: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
'อรประภา พรมรังฤทธิ์' จุดเล็กๆฝันใหญ่ ดันสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก สร้างอาชีพให้ชุมชน ด้วยสวนสมุนไพรชีววิถี
ทุกคนล้วนมีฝันและต้องการไปให้ถึง เราเชื่อว่า หากมีความพยายามและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องฝันที่คิดไว้ต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน และ `คอหุ้น` ก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีความฝันจะนำพาธุรกิจสมุนไพรของตัวเองให้ไปถึงฝั่งฝันที่วางไว้
คุณอรประภา พรมรังฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก จำกัด เปิดเผยกับ คอหุ้น` ว่า ปัจจุบันสมุนไพรไทยได้รับการยอมรับไปทั่วโลก และมีการนำไปวิจัยต่อยอดในการรักษาต่างๆมากมาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านสมุนไพรเกิดขึ้นอย่างมากมายสร้างอาชีพให้กับคนไทยจำนวนมาก
`เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก`ก็เช่นเดียวกัน เป็นที่ส่งสมุนไพรใครส่งขายมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก แต่ที่สำคัญและมีจุดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นก็คือ`เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก` ได้มีการสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างอาชีพในชุมชนด้วยการเปิดศูนย์ชีววิถีสอนอบรมสมุนไพรให้แก่ประชาชนทั่วไป
นี่คือ คำกล่าวของผู้หญิงคนนี้ ที่เรามองว่าน่าสนใจและติดตาม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า นอกจากประกอบธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไรแล้ว`เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก` ยังใส่ใจต่อสังคมและสร้างประโยชน์ให้แก่คนที่ต้องการมีรายได้และความรู้ในด้านสมุนไพร เพื่อไปประกอบอาชีพในอนาคตอีกด้วย
เปิดโปร์ไฟล์`เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก`
บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2549 โดยเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจ OTOP เล็กๆในตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มาจนถึงปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจมากว่า 18 ปี มีแรงบันดาลใจมาจากความรักและศรัทธาในสมุนไพรไทย จึงได้ไปเรียนต่อเพิ่มเติมความรู้ทางด้านสมุนไพรไทย จนจบหลักสูตรแพทย์แผนไทยเภสัชกร จากสถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้ใบประกอบโรคศิลปะ จึงได้นำความรู้เหล่านั้นมาต่อยอดผลิตเวชสำอางแนวสมุนไพร จนถึงวันนี้มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 360 ชนิด
คุณอรประภา พรมรังฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก เล่าย้อนอดีตก่อนจะมาเปิดบริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก ว่าเมื่อ 19 ปีก่อนหรือในปีพ.ศ.2549 ได้มองเห็นความสำคัญของสมุนไพรไทยและได้ไปอบรมกับกรมการแพทย์แผนไทย จึงเกิดความคิดว่าควรสร้างธุรกิจการจำหน่ายสมุนไพรไทย ดังนั้นจึงก่อตั้งบริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก ขึ้นมา
“เราก่อตั้งบริษัทโดยมีการพัฒนาเครื่องสำอางสมุนไพร ด้วยการวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยนำภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านเวชสำอางและการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีบริษัทในเครือ คือ บริษัท ไบโอเวย์เนเจอรัล (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ผลิตเครื่องดื่มสมุนไพร”ตรีผลา”ชีววิถีเพื่อสุขภาพ)
บริษัทผลิตสินค้าออกสู่ตลาดกว่า 300 ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้สมุนไพรธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีและสารแต่งต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้ผ่านการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีมาตรฐานรับรอง อาทิ มาตรฐาน อย., OTOP 5 ดาว, Halal และมาตรฐานการผลิต GMP, ระบบมาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากล ISO 9001 : 2015 และตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพมาตรฐาน Thailand Trusted Mark (T MARK ) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ”คุณอรประภากล่าว
ส่งออกสินค้าวางขาย 20 กว่าประเทศ
ปัจจุบันสินค้าสมุนไพรของ เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก ไม่ได้มีวางขายแค่ในประเทศไทยเท่านั้นยังมีการส่งออกไป 20 กว่าประเทศทั่วโลก โดยคุณอรประภาบอกว่า
บริษัทได้มีการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศมีการกระจายสินค้าตามร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งทั่วประเทศ อาทิ เทสโก้โลตัส, ท๊อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, แม็กซ์แวลู, แม็คโคร และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น , ร้านซีเจ และร้านค้าสมุนไพรชั้นนำ
“ส่วนในต่างประเทศ เรามีตัวแทนจำหน่ายกว่า 20 ประเทศ ในอาเซียน ก็มี กัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย ฮ่องกง จีน ส่วนในยุโรป ก็มี เดนมาร์ก เยอรมัน ในแถบตะวันออกกลาง ก็มี ดูไบ ซาอุดิอาระเบีย เยเมน
และเรายังมีร้านจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอง 4 สาขา ได้แก่ ตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าแพลตินั่ม ห้างโกรเซอรี่ จังหวัดภูเก็ต และที่ศูนย์เรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร นอกจากเรานี้เรายังรับการผลิตแบบ OEM อีกด้วย
จุดเด่นของแบรนด์ชีววิถี และ Sense ก็คือเรามีกระบวนการคัดสรรสมุนไพรตั้งแต่ฐานรากก็คือ ปลูก เก็บเกี่ยว จนนำเข้าสู่การวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า ผ่านกระบวนการผลิตสู่โรงงาน GMP และได้มาตรฐาน ISO 9,12015 มีคุณภาพได้ มาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก กล่าว
ผลักดันสวนสมุนไพรชีววิถีฯ สอนฟรี
สำหรับ การประกอบธุรกิจเรื่องผลกำไรเป็นเรื่องปกติของผู้ประกอบการ แต่สำหรับคุณอรประภา บอกว่า บริษัทไม่มองเพียงแค่สร้างผลกำไรเท่านั้น เธอบอกว่า เมื่อเรามีรายได้แล้ว การช่วยเหลือให้คนที่เขาอยากมีโอกาสสร้างรายได้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ
ดังนั้น จึงมีการขยายความร่วมมือกับสถานศึกษา กลุ่มชุมชน และหน่วยงานราชการทั่วประเทศ โดยศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง' จ.กาญจนบุรีได้จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุน CSR และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้ตั้งแต่หลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงคอร์สพัฒนาทักษะอาชีพ โดยเรียนฟรี เช่น การทำเครื่องดื่มสมุนไพร เบเกอรี่และขนมไทย งานมัดย้อม
เธอกล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลความรุนแรงในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก หรือรายใหญ่ ต่างได้ผลกระทบกันถ้วนหน้า บางรายต้องต่อสู้ เพื่อประคับประคองรักษาการจ้างงาน หรือบางรายต้องยอมปิดตัวลง เพื่อตั้งหลักรอวันกลับมาใหม่อีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่แน่นอนจากผลกระทบภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากทุกคนมีทักษะติดตัว หรือมีอาชีพเสริม ก็ถือเป็นเกราะกำบังให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี
“ที่นี่ เราจัดอบรมให้กับชาวบ้านในชุมชน หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจเสริมทักษะ สร้างฝึกอาชีพเข้ามาเรียนรู้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น การทำกาแฟ ขนมไทย ผ้ามัดย้อม ห่อลูกประคบ ทำจักรสาน สบู่-แชมพูสมุนไพร และยาหม่องฯลฯ จากผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญมาเป็นวิทยากร
รูปแบบการสอน เรา เน้นลงมือทำเรียนรู้แบบจัดเต็ม ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติผู้ที่เข้ามาภายในศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง จะได้รับการอบรม 1-2 วัน ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพื่อให้เกิดการฝึกฝนจนความชำนาญ นำไปต่อยอดสร้างอาชีพให้กับตัวเอง นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมเสริมอีก 3 ฐาน เช่น ฝึกทำลูกประคบ, จักสาน และมัดย้อม เป็นต้น โดยผู้ที่เข้ามาอบรมส่วนใหญ่มาจากคนในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆก็มี
เปิดอบรมสร้างอาชีพระยะสั้นฟรี
ศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เน้นการใช้สมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลสุขภาพและผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมเปิดการอบรมระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพให้ประชาชน
โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้เข้าศึกษาดูงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลของบริษัทที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ “ธรรมาภิบาลดีเด่น” ปี 2566 จัดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ สมาคมธนาคารไทย และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยรางวัลนี้ ยกย่องผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
“ในปี 2567 ศูนย์การเรียนรู้ของเราได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมทั่วประเทศมากถึงประมาณ 100,000 คน และในปี 2568 เราเชื่อมั่นว่า ยอดผู้เข้าชมจะทะลุเกินหลักแสนคนอย่างแน่นอน เนื่องจากเราได้พัฒนาและปรับปรุงคอร์สเรียนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น”คุณอรประภา กล่าว
ผลักดันวิสาหกิจชุมชน ช่วยเหลือเกษตรกร
นอกจากนี้ แล้วเพื่อสร้างความต่อเนื่องและช่วยเหลือชุมชุนให้มีรายได้อย่างถาวร คุณอรประภาจึงคิดว่า ควรมีการร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่
“บริษัทได้ร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มแม่บ้านในหลายๆพื้นที่เพื่อให้สามารถจัดการเรื่องวัตถุดิบที่ดีและเพียงพอต่อการผลิต เช่น
1. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำเกี๋ยน จ.น่าน มีสมาชิกมากกว่า 600 คน เริ่มต้นจาการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนจากกลุ่ม คือแชมพูใบหมี่อัญชันไม้ยืนต้นในท้องถิ่นที่มีสรรพคุณกันผมร่วง มาทำเป็นแบรนด์ของบริษัท และเป็นที่มาของแบรนด์ ชีววิถี ปัจจุบันเป็นวิสาหกิจชุมชนอันดับหนึ่งของประเทศ
2. กลุ่มเกษตรกรแม่บ้านตำบลรำมะสัก จ.อ่างทอง มีสมาชิกกว่า 300 ครัวเรือน ที่ปลูกสมุนไพรประเภทหัวเง้า ขิง ข่า ตระไคร้ ให้กับบริษัทมานานกว่า 10 ปี เพื่อเป็นส่วนประกอบในการทำลูกสมุนไพรประคบอบตัวต่างๆ
และ 3. กลุ่มเกษตรกรจังหวัดขอนแก่นและหนองบัวลำพูน มีสมาชิกมากกว่า 3,000 คน เป็นกลุ่มที่ส่งสมุนไพรแห้ง เช่น ขิง มะกรูด กระเจี๊ยบ มะตูม และรังไหม ให้บริษัทมายาวนาน รวมถึงจากเกษตรกรโดยตรงอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายสมุนไพรจากเกษตรกรรวมกว่าสิบล้านบาทต่อปี”เธอกล่าวด้วยความภูมิใจ
กลเม็ดเคล็ดลับความสำเร็จ
คอหุ้น ถามถึง เคล็ดลับความสำเร็จของ`เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก`ที่ดำเนินธุรกิจมาถึง 19 ปี ว่าใช้แนวคิดและการวางนโยบายอย่างไร คุณอรประภา เผยว่า ข้อเเรก เราต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เข้าสู่ความเป็นนวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา ต้องรู้ว่ากระเเสความต้องการของลูกค้าไปในในทิศทางไหน เพื่อหาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของเขา ข้อสอง เรื่องแบรนด์สินค้าต้องชัดเจน สะท้อนแนวความคิดสุขภาพและความงามแบบธรรมชาติที่แท้จริง และข้อที่สาม ESG เรื่องนี้บริษัทให้ความสำคัญมาก เราต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นี่คือ ความมุ่งมั่นของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่สร้างธุรกิจมากจากจุดเล็กๆจนทุกวันนี้เธอสามารถนำพาบริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้เป็นรู้จักกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และในอนาคตคงไปถึงทั่วโลกอย่างแน่อน และที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คิดแค่ผลกำไรจากการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว
เธอยังตอบแทนสังคมด้วยการเปิดศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง กาญจนบุรี เป็นศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาชุมชนให้ความรู้ทางด้านสมุนไพรและให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพอีกด้วย เป็นตัวอย่างนักธุรกิจที่น่ายกย่องอีกคนหนึ่งที่ คอหุ้น นำมาเสนอให้ทุกคนได้รู้จักกันครับ...
