ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน
Stock Circle
เศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว แม้ว่าแนวโน้มของภาคการท่องเที่ยวจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปประเด็นแถลงข่าว ประจำเดือนมกราคม 2566 Final
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดย กกร. จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ประจำเดือนมกราคม โดยมี นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. เป็นประธานในการประชุม และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานร่วมในการประชุม
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการ กกร. กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังคงมีความกังวลถึงปัญหาแรงงานในภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขาดแคลน จึงจำเป็นที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาแนวทางในการดึงกลุ่มแรงงานกลับเข้าสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้เพียงพอในการรองรับการฟื้นตัวดังกล่าวต่อไป
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.
นอกจากนี้ กกร. ยังได้มีความเห็นเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ดังนี้
ครอบคลุมทั้งการลดภาระทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม พร้อมทั้งจะเร่งผลักดันมาตรการอื่นๆ เช่น สินเชื่อเพื่อการปรับตัวภายใต้ พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ เพื่อปรับตัวให้สอดรับกับกระแสเทคโนโลยีดิจิทัล การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต รวมถึงโครงการพักทรัพย์พักหนี้ สำหรับลูกหนี้ธุรกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ทั้งนี้จะได้มีการติดตามความคืบหน้าและประสิทธิผลของมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังหวังว่าตลอดทั้งปีนี้ รัฐบาลจะมีมาตรการในการดูแลค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากทุกภาคส่วน โดย กกร. ได้มีการจัดตั้งคณะทำงาน task force ด้านพลังงาน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs วางแผนและนำเสนอแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการด้านพลังงาน
โดยภาคเอกชนก็พร้อมที่จะปรับตัวในการใช้พลังงานทางเลือกให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในปีนี้ โดยจะต้องวางแผนในระยะยาวให้มีความสมดุลทั้งด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ การดูแลสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแข่งขันต่อไป
1) เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่างข้อเสนอของภาคเอกชนเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบ BIMSTEC เพื่อนำเสนอข้อเสนอต่อภาครัฐ
2) เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ เจรจากับสมาชิก BIMSTEC เพื่อขอให้จัดตั้ง Business Advisory Council – BIMSTEC BAC เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งถือว่าไทยเป็นผู้ริเริ่มในฐานะเจ้าภาพ
3) เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ ควรมีการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Advisory Council- BAC) ในทุกกรอบความร่วมมือ เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นต้น
โดยมุ่งเป้าเป็นโครงการต้นแบบของกลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งระยะแรกจะนำร่องคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ทั้งภาคการผลิต การค้าและบริการ ไม่น้อยกว่า 30 ราย เข้าร่วมโครงการ มีรูปแบบการดำเนินโครงการในลักษณะการดูแลและเร่งรัดให้ SME เติบโตอย่างรวดเร็ว (Acceleration) ผ่านระบบพี่เลี้ยง (Mentor) และผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ (Coach) อย่างใกล้ชิด โดยระหว่างการดำเนินโครงการจะมีการเก็บข้อมูลที่จำเป็นของผู้ประกอบการทั้งก่อนและหลัง เพื่อประเมินและขยายผลไปยังกลุ่มอื่นๆ ในระยะต่อไป
ติดตามข้อมูลสาระสำคัญต่างๆ ได้ทาง
Website : www.thaichamber.org
Line@ : https://bit.ly/2ZiAoCc
Instragram : https://bit.ly/2v5TYE7
Facebook : https://bit.ly/2V388o8
YouTube Channel : https://bit.ly/2Un4uA
สงวนลิขสิทธิ์ © 2557 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด