ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน

ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา 5 เดือนโต 11.20% คาดมิ.ย.ลด พาณิชย์เร่งช่วยรายย่อย-ผู้ส่งออก

หมวดหมู่: พาณิชย์
วันที่สร้าง วันเสาร์, 28 มิถุนายน 2568 21:53
ฮิต: 399

ค้าชายแดนไทย

ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา 5 เดือนโต 11.20% คาดมิ.ย.ลด พาณิชย์เร่งช่วยรายย่อย-ผู้ส่งออก
      กรมการค้าต่างประเทศเผยการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วง 5 เดือน ปี 68 มีมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 11.20% คาดเดือน มิ.ย.68 ลดแน่ หลังปิดด่าน ประเมินหากปิดถึงสิ้นปี มูลค่าการค้าขายแดนจะหายไปกว่า 6 หมื่นล้านบาท ฉุดยอดการค้าชายแดนรวมลด 1% เหลือโต 2% จากเป้า 3% ส่วนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากปิดด่าน ได้เข้าช่วยเหลือแล้ว หาที่ขายใหม่ให้ผู้ค้ารายย่อย และสินค้าส่งออก อย่างผลไม้เร่งระบายในประเทศ สินค้าอื่นหาทางส่งออกทางอื่น หาตลาดใหม่
     นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 80,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.20% โดยไทยส่งออก 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% นำเข้า 17,645 ล้านบาท เพิ่ม 20% และได้ดุลการค้า 45,433 ล้านบาท และเฉพาะเดือน พ.ค.2568 มีมูลค่า 16,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% โดยไทยส่งออก 12,852 ล้านบาท เพิ่ม 6.20% นำเข้า 3,258 ล้านบาท เพิ่ม 10.40% ได้ดุลการค้า 9,595 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มเดือน มิ.ย.2568 คาดว่าจะลดลง เพราะมีการปิดด่านชายแดนระหว่างกัน ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 โดยงดการผ่านเข้า-ออกของประชาชน การค้าขายทุกประเภท รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
      สำหรับ การปิดด่านชายแดนของทั้ง 2 ประเทศตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 จากการสอบถามสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชายแดน พบว่า บรรยากาศการค้าขายซบเซา ผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ของทั้ง 2 ฝั่ง ปิดร้านจำนวนมาก แต่กระทรวงพาณิชย์ ได้หาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยหาสถานที่ใหม่ให้ค้าขาย เช่น พื้นที่ส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ห้างต่างๆ
     ส่วนกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน สำหรับสินค้าส่งออก อาทิ ผักและผลไม้ ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงปลายฤดู โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานหนวยงานภาครัฐและเอกชนช่วยรับซื้อและกระจายสู่ผู้บริโภคในประเทศ สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอุตสาหกรรม ได้หามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออก เช่น หาเส้นทางขนส่งสินค้าทางอื่น หาตลาดใหม่ทดแทน การเจรจาจับคู่ธุรกิจ ผลักดันขายสินค้าทางออนไลน์ ขณะที่ด้านการนำเข้า คือ มันสำปะหลัง ที่ไทยนำเข้ามาทั้งแบบหัวมันสดและมันเส้นเพื่อแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นและส่งออก ก็มีทางเลือกนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจาก สปป.ลาว ที่นำเข้ามากกว่า 60% ของการนำเข้าทั้งหมด
     นางอารดา กล่าวว่า การปิดด่านจะไม่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยไปกัมพูชามากนัก เพราะนอกจากการค้าชายแดน ที่เป็นการขนส่งสินค้าผ่านทางบกตามแนวชายแดนระหว่างกันแล้ว ไทยยังส่งออกไปกัมพูชาด้วยช่องทางอื่น เช่น ทางเรือ ซึ่งตัวเลขการส่งออกโดยรวมของไทยช่วง 5 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 145,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกผ่านชายแดน 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% หรือคิดเฉลี่ยต่อเดือนราว 11,000 ล้านบาท แต่หากคิดเฉพาะการส่งออกผ่านชายแดน หากปิดด่านจนถึงสิ้นปีนี้ อาจทำให้มูลค่าการส่งออกผ่านชายแดนของไทยไปกัมพูชาในช่วง 6 เดือนหลัง คาดว่าหายไปกว่า 60,000 ล้านบาทเท่านั้น
     “ถ้ามูลค่าการส่งออกชายแดนไทยไปกัมพูชาในช่วงครึ่งปีหลังหายไปกว่า 60,000 ล้านบาท ก็จะทำให้การค้าชายแดนภาพรวมของไทยกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และมาเลเซีย ทั้งปีนี้ลดลงราว ๆ 1% หรือเหลือขยายตัวได้ 1.8-2% มูลค่า 1.85 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายที่คาดขยายตัว 3% มูลค่ากว่า 1.87 ล้านล้านบาท เพราะจะมีมูลค่าการค้าชายแดนกับ สปป.ลาว และมาเลเซีย เข้ามาช่วยเสริม ซึ่งช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าการค้าสูงถึง 382,899 ล้านบาท เพิ่ม 12.96% และ 277,385 ล้านบาท เพิ่ม 13.20% ตามลำดับ”นางอารดากล่าว

ค้าชายแดนไทย กัมพูชา

การค้าชายแดนและผ่านแดนไทย ผ่าน 5 เดือนแรก โตต่อ +11.0% ลุยต่อจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน 3 ครั้ง ในเดือน ก.ค. 68 หนองคาย สตูล และเชียงใหม่
     นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 200,773 ล้านบาท ขยายตัว 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการส่งออก 128,155 ล้านบาท (+15.1%) และการนำเข้า 72,618 ล้านบาท (+11.8%) โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งสิ้น 55,537 ล้านบาท ส่งผลให้ 5 เดือนแรกของปี 2568 การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนมีมูลค่าการค้ารวม 833,171 ล้านบาท (+11.0%) เป็นการส่งออก 480,834 ล้านบาท (+9.8%) การนำเข้า 352,337 ล้านบาท (+12.8%) และไทยได้ดุลการค้า 128,497 ล้านบาท
       การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 85,625 ล้านบาท (-2.1%) เป็นการส่งออก 54,745 ล้านบาท (-2.3%) การนำเข้า 30,880 ล้านบาท (-1.7%) และไทยได้ดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 23,866 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนกับ มาเลเซีย มีมูลค่าสูงสุด 28,557 ล้านบาท (+4.2%) รองลงมา คือ สปป.ลาว 23,953 ล้านบาท (-5.7%) เมียนมา 17,005 ล้านบาท (-13.3%) และกัมพูชา 16,110 ล้านบาท (+7.0%)
     ซึ่งสินค้าส่งออกชายแดนสำคัญในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่ น้ำมันดีเซล 2,949 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,545 ล้านบาท และเครื่องดื่มอื่น ๆ (เช่น นม UHT นมถั่วเหลือง) 1,472 ล้านบาท ทำให้ 5 เดือนแรกของปี 2568 การค้าชายแดนมีมูลค่ารวม 429,657 ล้านบาท (+3.7%) เป็นการส่งออก 261,042 ล้านบาท (+1.4%) และการนำเข้า 168,616 ล้านบาท (+7.6%)
     ด้านการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 115,148 ล้านบาท (+29.6%) เป็นการส่งออก 73,410 ล้านบาท (+32.8%) และการนำเข้า 41,739 ล้านบาท (+24.4%) โดยการค้าผ่านแดนไปจีน มีมูลค่าสูงที่สุด 77,314 ล้านบาท (+33.7%) รองลงมาคือ สิงคโปร์ และเวียดนาม มีมูลค่า 14,106 ล้านบาท (+46.7%) และ 7,471 ล้านบาท (+3.3%) ตามลำดับ
     ซึ่งสินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่ ทุเรียนสด 30,145 ล้านบาท ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 13,172 ล้านบาท และมังคุดสด 4,088 ล้านบาท ทำให้ 5 เดือนแรกของปี 2568 การค้าผ่านแดนมีมูลค่ารวม 403,513 ล้านบาท (+20.0%) เป็นการส่งออก 219,792 ล้านบาท (+21.6%) และการนำเข้า 183,721 ล้านบาท (+18.1%)
     อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวสูงถึง 38.7% จากความต้องการผลไม้ของจีนที่สูงขึ้นต้อนรับฤดูกาลผลไม้ เช่น ทุเรียนสด 30,145 ล้านบาท (+23.6%) มังคุดสด 3,776 ล้านบาท (+9.6%) ในขณะที่การส่งออกผ่านแดนกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 13,172 ล้านบาท (+87.4%) เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อื่นๆ 2,738 ล้านบาท (+91.7%) และแผงวงจรไฟฟ้า 1,637 ล้านบาท (+126.6%) ยังคงขยายตัวสูง
      ด้านการค้าชายแดนในเดือนพฤษภาคม 2568 หดตัว -2.1% และการส่งออกชายแดนหดตัว -2.3% เป็นผลมาจากการค้าชายแดนด้าน สปป.ลาว และด้านเมียนมา ที่หดตัว -5.7% และ -13.3% ตามลำดับ โดยการส่งออกชายแดนไป สปป.ลาว หดตัว -10.7% จากสินค้าพลังงาน ได้แก่ น้ำมันดีเซล และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ ที่มูลค่าการส่งออกลดลง -6.8% และ -13.2% ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม การส่งออกในเชิงปริมาณของน้ำมันดีเซล และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ ไป สปป.ลาว ยังขยายตัว +27.7% และ +12.0% ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกชายแดนไปเมียนมาลดลง -5.0% เป็นผลมาจากมาตรการ 3 ตัด ตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (4 กุมภาพันธ์ 2568) กรณีการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า และสัญญาณโทรคมนาคม
      รวมถึงมาตรการควบคุมและขอความร่วมมือในการงดการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อาทิ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ เครื่องมือสื่อสาร โดยมูลค่าการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง (น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ) ลดลง 84.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
      สำหรับ สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดภายหลังจากฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศได้ประกาศมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนชายแดนไทย – กัมพูชา โดยประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และด่านศุลการชายแดนไทย – กัมพูชา รวบรวมข้อมูลรายงานกระทรวงฯ ให้ทราบเป็นประจำทุกวัน ตลอดจนเข้าร่วมประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) ตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงฯ
โดยรายงานความพร้อมของกระทรวงพาณิชย์ในการช่วยเหลือ ระบายสินค้าผักและผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งห้ามนำเข้าของกัมพูชา และการติดตามสถานการณ์ผลกระทบผ่านเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการหารือร่วมกับภาคเอกชนเตรียมความพร้อมรองรับในการหาทางเลือกขนส่งสินค้าด้วยช่องทางอื่นๆ นอกจากช่องทางชายแดน เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชน
“ด้านการกระตุ้นเศรษกิจการค้าชายแดนและผ่านแดน กรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าการทำงานเชิงรุกตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ โดยในเดือนกรกฎาคม 2568 ที่จะถึงนี้ จะลุยจัดกิจกรรมมหกรรมการค้าชายแดนทั้งสิ้น 3 งาน โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ลานน้ำพุพญานาค) จ.หนองคาย ระหว่างวันที่ 4 – 8 กรกฎาคม 2568 ก่อนเดินทางลงใต้ ณ จ.สตูล ระหว่างวันที่ 17 – 20 กรกฎาคม 2568 และสุดท้ายปลายเดือนขึ้นเหนือ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 22 – 28 กรกฎาคม จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าวติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dft.go.th, Facebook: กรมการค้าต่างประเทศ DFT และสายด่วน 1385 DFT Call Center”

 

Click Donate Support Web 

PTG 720x100MTI 720x100Banner GPF720x100 PXTOA 720x100EXIM One 720x90 C JMTL 720x100SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100วิริยะ 720x100aia 720 x100BKI 720 x 100ธกส 720x100ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

กรมบัญชีกลาง